เที่ยวน้ำตกพลิ้วช่วงปลายฝน-ต้นหนาว

เที่ยวน้ำตกพลิ้วช่วงปลายฝน-ต้นหนาว เป็นการเดินทางมาเที่ยวที่ประทับใจมาก ตลอดทางเดินได้สัมผัสความเขียวขจีของต้นไม้และมอส ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว แถมยังได้เล่นน้ำกับปลาพลวงอีกด้วย

รวมสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย

ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) ภาคตะวันออก ภาคใต้

จังหวัดจันทบุรี

ที่เที่ยว ท่องเที่ยว ที่กิน ร้านอาหาร ที่พัก ที่นอน

ค้นหาที่เที่ยว

เที่ยวน้ำตกพลิ้ว ปลายฝน ต้นหนาว จันทบุรี

- ชมความเขียวขจีของต้นไม้ มอส และเล่นน้ำตกกับปลาพลวง ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

ที่อยู่น้ำตกพลิ้ว

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี

🏩 จองที่พักจังหวัดจันทบุรี

จังหวัดจันทบุรี เมืองท่องเที่ยวมีชายทะเล ภูเขา สวนผลไม้ และย่านเมืองเก่ารอเราไปเยือน ค้นหาที่พักราคาถูกในจังหวัดจันทบุรีกับ Agoda

จองโรงแรมราคาพิเศษกับ agoda.com

สิ่งน่าสนใจ

ชมวิวสวยๆ ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
เล่นน้ำตกเย็นชุ่มฉ่ำ
อลงกรณ์เจดีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างเจดีย์ เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาส น้ำตกพลิ้ว
พีระมิดพระนางเรือล่ม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2424) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี

แผนที่และการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว :

ค่าพิกัดโดยประมาณอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว : GPS 12.527492, 102.178248 ใช้ Google Map นำทาง

การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

โดยรถยนส่วนตัว :

1.จากกรุงเทพวิ่งมาตามทางหลวงสายพิเศษหมายเลข 7 ออกจากทางด่วนเข้าสู่ถนนสายบ้านบึง - แกลง และมุ่งสู่จังหวัดจันทบุรีตามถนนสุขุมวิท หรือ ถนนหมายเลข 3 เมื่อถึงแยกเขาไร่ยาให้ตรงมาตามถนนสุขุมวิท (เลี้ยวขวาจะเข้าตัวเมืองจันทบุรี) จนถึงแยกปากแซง ให้เลี้ยวขวาไปทางจังหวัดตราด วิ่งตรงมาอีกประมาณ 14.5 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วอยู่ด้านซ้ายมือ

2.จากกรุงเทพวิ่งมาตามถนนสุขุมวิท หรือ ถนนหมายเลข 3 (บางน - ตราด) วิ่งไปจังหวัดจันทบุรี เมื่อถึงแยกเขาไร่ยาให้ตรงมาตามถนนสุขุมวิท (เลี้ยวขวาจะเข้าตัวเมืองจันทบุรี) จนถึงแยกปากแซง ให้เลี้ยวขวาไปทางจังหวัดตราด วิ่งตรงมาอีกประมาณ 14.5 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วอยู่ด้านซ้ายมือ

แผนที่เดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

จากแยกปากแซงเลี้ยวขวาแล้ววิ่งตรงมาอีก 14.5 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วอยู่ด้านซ้ายมือ

เที่ยวน้ำตกพลิ้ว ปลายฝน ต้นหนาว จันทบุรี

- ชมความเขียวขจีของต้นไม้ มอส และเล่นน้ำตกกับปลาพลวง ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

เที่ยวน้ำตกพลิ้วครั้งนี้มาช่วงปลายฝน-ต้นหนาว เย็นชุ่มฉ่ำกันตั้งแต่ยังไม่ได้เล่นน้ำเลย เพราะตอนที่มาถึงก็มีฝนตกลงมาได้สักพักนึง
ที่น้ำตกพลิ้ว มีบริการที่จอดรถตามซอยก่อนถึงอุทยานฯ โดยเสียค่าจอดไม่แพง
หลังจากจอดรถแล้วระหว่างทางเดินขึ้นอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีร้านขายอาหารและร้านขายเสื้อผ้าสำหรับเล่นน้ำด้วย โดยเราสามารถซื้ออาหารไปทานในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วได้ แต่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ห้ามนำเข้าอุทยานฯ นะครับ
ถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ก่อนเข้าจะเสียค่าบำรุงอุทยานฯ ไม่แพงครับ

เข้ามาแล้ว เราไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วกันก่อน แล้วค่อยมาเล่นน้ำกัน

จุดแรกเราจะเห็นรูปปั้นกิ้งก่ายักษ์ มีความสำคัญอย่างไร ไปดูกัน

กิ้งก่ายักษ์ หรือ ตะกอง หรือ ลั้ง :

เป็นกิ้งก่า ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ลำตัวมีสีเขียวสามารถเปลี่ยนสีให้สดและเข้มได้ตามสภาพแวดล้อม ขนาดตัวโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 90 - 120 ซม. แหล่งที่อยู่อาศัยของกิ้งก่ายักษ์พบได้ทั่วไปในป่าดงดิบทางภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ชอบอาศัยหากินอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีแหลงน้ำอุดมสมบูรณ์ อาหาร ได้แก่ แมลงชนิดต่างๆ กบ เขียด สัตว์ขนาดเล็ก และผลไม้บางชนิด

ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วยังมีบทความของท่านสืบ นาคะเสถียร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นนักอนุรักษ์ป่าไม้และธรรมชาติที่ยอมเสียสละชีวิตตนเอง เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และธรรมชาติให้คงอยู่กับประเทศชาติสืบต่อไป

ตามเส้นทางในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เราสามารถสัมผัสความงามและความเขียวขจีจากมอสที่ขึ้นปกคลุมตามเส้นทางในช่วงฤดูฝน

อลงกรณ์เจดีย์ (จุลศิรจุมพฏเจดีย์) ช่วงหน้าฝนมีมอสปกคลุมจนเขียวขจีไปทั้งเจดีย์ มีความสวยงามมาก

อลงกรณ์เจดีย์ (จุลศิรจุมพฏเจดีย์)

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี โปรดให้สร้างอลงกรณ์เจดีย์ โดยเจดีย์ทำด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บริเวณผาด้านหน้า น้ำตกพลิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2419 เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาส น้ำตกพลิ้ว ด้วยกัน และพระราชทานนามว่า "อลงกรณ์เจดีย์"
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปราน น้ำตกพลิ้ว เป็นอย่างยิ่ง ได้เสด็จประพาสหลายคราว ถึงกับมีพระราชดำรัสว่า "เราได้เห็นน้ำตกอย่างนี้มาสองสามแห่ง คือที่ปีนัง เกาะช้าง และสีพยา เห็นไม่มีที่ไหนจะงามกว่าที่นี่เลย ถ้าจะให้เรานั่งดูอยู่ยังค่ำก็แทบจะได้ด้วยเย็นสบายจริง"

ถัดมาอีกจุด พีระมิดพระนางเรือล่ม

พีระมิดพระนางเรือล่ม

พีระมิดพระนางเรือล่ม - สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2424) เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและความอาลัยของพระองค์ที่มีต่อพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หลังจากพระนางเสด็จฑิวงคต โดยภายในปิรามิดบรรจุพระสรีรางคารของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ไว้ด้วย

พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์

พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สร้างขึ้นเมื่อปี 2549 โดยความร่วมมือของชาวเมืองจันทบุรี ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาประกอบพิธีเปิด พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์

ด้านหลัง อลงกรณ์เจดีย์ มีหน้าผาซึ่งเป็นจุดชมวิว น้ำตกพลิ้ว ที่สวยงาม

น้ำตกพลิ้ว

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม มีน้ำตลอดปี ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นพื้นด้านล่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทรายในระดับลึกกว่า 2 เมตร ภายในบริเวณน้ำตกและลำธารน้ำ มีปลา "ปลาพลวงหิน" เป็นปลาเจ้าถิ่นในน้ำตกพลิ้วอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นที่ตื่นตาตรึงใจแก่ผู้ที่มาท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

คำว่า "พลิ้ว" กล่าวกันว่าเป็นภาษาชอง ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิม แปลว่า ทราย หรือ หาดทราย แต่เข้าใจกันว่า น้ำตกพลิ้ว คงจะได้ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งชอบขึ้นในดินปนทราย เป็นไม้เถามีดอกเป็นผลเล็กขนาดลูกเกด สีเหลืองอมแดง ขึ้นทั่วไปในแถบนี้

ชมความสวยงามน้ำตกพลิ้วที่หน้าผาแล้ว เดินตามเส้นทางไปเล่นน้ำกันที่บริเวณหน้าน้ำตกพลิ้ว ซึ่งช่วงหน้าฝนเส้นทางบางช่วงอาจมีความลื่นต้องระมัดระวังขณะเดินลงไปยังน้ำตกด้านล่าง

เส้นทางเดินไปยังน้ำตก สายน้ำในลำธารใสสะอาดน่าเล่นน้ำมาก ปลาพลวงหิน ถือว่าเป็นปลาเจ้าถิ่น พบได้ตลอดลำธารน้ำตกพลิ้ว

เดินไปชมวิวที่สะพานข้ามลำธาร ก่อนถึงน้ำตกพลิ้ว

มองมุมสูงจากสะพานยิ่งทำให้น้ำตกพลิ้วเปิดเผยความงามออกมาให้เห็น

เดินต่อมาไม่ไกลนักก็ถึงจุดหมาย เสียงของสายน้ำตกที่ตกจากความสูงถึง 20 เมตร ทำให้บริเวณด้านหน้าของน้ำตกพลิ้ว เหมือนมีวงออร์เคสตราคอยขับกล่อมให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมน้ำตกพลิ้วแห่งนี้