พระขี่ม้าบิณฑบาตร วัดถ้ำป่าอาชาทอง

เช้านี้ไปตักบาตรกับพระขี่ม้าบิณฑบาตร ที่สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง จังหวัดเชียงราย เนื่องจากเดิมวัดตั้งอยู่บนดอยห่างไกลจากชุมชน และถนนหนทางยังไม่สะดวก พระที่ออกบิณฑบาตรจะต้องเดินทางขึ้นและลงจากดอยในระยะทางไม่ต่ำกว่า 5 กม. เพื่อไปรับบิณฑบาตรจากญาติโยม ด้วยเหตุนี้เจ้าอาวาส จึงให้พระที่ออกไปรับบิณฑบาตรใช้ม้าเป็นพาหนะในการเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ จึงเป็นที่มาของ "พระขี่ม้าบิณฑบาตร"

รวมสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย

ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) ภาคตะวันออก ภาคใต้

ที่เทียวจังหวัดเชียงราย

ที่เที่ยว ท่องเที่ยว ที่กิน ร้านอาหาร ที่พัก ที่นอน

ค้นหาที่เที่ยว

พระขี่ม้าบิณฑบาตร วัดถ้ำป่าอาชาทอง

- ชมพระออกไปรับบิณฑบาตรโดยใช้ม้าเป็นพาหนะในการเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ

ที่อยู่สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง

ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน เชียงราย

🏩 จองที่พักจังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงราย เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม ที่มีความอ่อนช้อยงดงามตามแบบล้านนา อีกทั้งชมไร่ชาสวยๆ และชิมชานานาชนิด ค้นหาที่พักราคาถูกในจังหวัดเชียงรายกับ Agoda

จองโรงแรมราคาพิเศษกับ agoda.com

การเดินทางไปสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง

ค่าพิกัดโดยประมาณสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง (เปิดโดย Google Map) : 20.226775, 99.806893

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน (เชียงราย-แม่สาย) ขับมาจนถึงสามแยกไฟแดงทางไปดอยแม่สลอง (ถนนสาย 1130) ให้ตรงตามทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน (เชียงราย-แม่สาย)ไปอีกประมาณ 5.6 กม. ก่อนจะถึงวัดแม่คำให้เลียวซ้ายเข้าถนนแม่คำตลาดเทศบาลซอย 3 สังเกตมีป้ายบอกทางไปวัดถ้ำป่าอาชาทองขับตามเส้นทางไปอีกประมาณ 6 กม. มีป้ายบอกทางไปวัดถ้ำป่าอาชาทองตลอดทาง

แผนที่ไปสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง

พระขี่ม้าบิณฑบาตร วัดถ้ำป่าอาชาทอง

- ชมพระออกไปรับบิณฑบาตรโดยใช้ม้าเป็นพาหนะในการเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ

สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง หรือ วัดถ้ำป่าอาชาทอง จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่บนดอยสูง อำเภอแม่จัน ในอดีตเส้นทางไปวัดยังกันดาร ไม่มีถนนเหมือนสมัยนี้ พระที่ออกบิณฑบาตรจะต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลกว่าจะกลับมาถึงวัดบางครั้งก็เลยเวลาฉันเพล ยิ่งหน้าฝนด้วยแล้วเส้นทางเดินจะลื่นมากทำให้การเดินด้วยเท้าลำบากมากขึ้น ครั้งหนึ่งมีชาวบ้านมาบนขอให้หายป่วย พอหายป่วยก็เอาม้ามาแก้บน "ครูบาเหนือชัย โฆสิโต" เจ้าอาวาสวัดถ้ำป่าอาชาทอง เลยต้องรับเลี้ยงไว้ เพราะเขาเอามาถวาย ด้วยเหตุนี้ "ครูบาเหนือชัย โฆสิโต" เจ้าอาวาสวัดถ้ำป่าอาชาทอง จึงเริ่มให้พระขี่ม้าเพื่อออกบิณฑบาต การใช้ม้าช่วยให้การออกรับบาตรสะดวกมากขึ้น และยังช่วยให้การเผยแผ่หลักธรรมตามหมู่บ้านชาวเขาในแนวชายแดนที่ห่างไกลสะดวกขึ้น

ประวัติครูบา เหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำป่าอาชาทอง

"ครูบาเหนือชัย โฆสิโต" เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง นามเดิมชื่อ นายเสมอ ใจปินตา เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๕ ปีขาล บิดาชื่อ สามยอด มารดาชื่อ น้อย เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง ๓ คน

สมัยเป็นเด็กเลี้ยงยาก ร้องไห้ตลอดเวลา จึงไปหาหมอดูประจำเผ่า ได้รับคำแนะนำว่าให้ใช้ช้างและม้ามารับขวัญ ทำให้โยมพ่อซึ่งขณะนั้นไม่มีเงิน แต่ด้วยความจำเป็น พ่อจึงได้ออกกุศโลบาย นำถ่านที่ใช้หุงต้มมาเขียนเป็นรูปช้างและม้าติดไว้ที่ฝาผนังบ้าน แล้วบอกกับครูบาว่า นี่เป็นช้างกับม้าที่พ่อซื้อมารับขวัญ หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย

ครูบาเหนือชัยจบชั้น ป.๗ จากโรงเรียนบ้านแม่คำ และจบชั้น ม.ศ.๕ จากโรงเรียนแม่จันวิทยาคม จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ โดยเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ศึกษาถึงปีที่ ๓ ก็ต้องลาออกเพื่อกลับมาช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากบิดาป่วย

เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๕ ได้อุปสมบท ณ อุโบสถวัดล้านตอง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมี ครูบาทองสืบ วิสุทฺธจาโร เจ้าอาวาสวัดล้านตอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาธรรมโดยการออกธุดงค์อยู่ในป่าเขาตามแนวชายแดน และปฏิบัติธรรมอยู่บริเวณถ้ำป่าอาชาทอง จึงได้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองขึ้นจนถึงปัจจุบัน

(ขอบคุณข้อมูลประวัติครูบาเหนือชัย โฆสิโต จากเว็บไซต์ : วัดท่าขนุน)

"พระเณรขี่ม้าออกบิณฑบาต" นำโดยเจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง "ครูบาเหนือชัย โฆสิโต" นอกจากสร้างความประทับใจต่อพุทธศาสนิกชนชาวไทยแล้ว ยังโด่งดังไปทั่วโลก เหตุที่พระ เณร และลูกศิษย์ต้องขี่ม้าบิณฑบาต เนื่องจากสำนักอยู่ห่างไกลจากชุมชน และถนนหนทางยังไม่สะดวก การใช้ม้าจึงมีความสะดวกในการเดินทางมากกว่า ๑๐ ปีของการออกธุดงค์ เผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าตามชายแดนไทย-พม่า โดยไม่แบ่งชาติพันธุ์ ในที่สุดท่านก็ได้รับการขนานนามว่า "นักบุญแห่งขุนเขา"

"พระเณรขี่ม้าออกบิณฑบาต" ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดให้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ "Unseen Thailand"

เดินทางมาถึงที่วัดประมาณ 7.30 น. เพื่อรอตักบาตรพระขี่ม้า ระหว่างรอสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด

พิธีสืบชะตา

หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดเสร็จแล้วก็เตรียมตัวตักบาตร โดยข้าวสาร อาหารแห้ง ทางวัดมีซุ้มไว้บริการ

เตรียมอาหารแห้งแล้วก็มาหาจุดตักบาตร โดยทางวัดจัดไว้บริเวณลานหน้าวัด เมื่อพระกลับมาจากบิณฑบาตรตามหมู่บ้านแล้วก็จะมารับบาตรที่บริเวณนี้

วันนี้พระขี่ม้ากลับจากบิณฑบาตรตามหมู่มาสายหน่อยครับแปดโมงกว่าแล้วยังเดินทางมาไม่ถึงวัด ซึ่งก็เป็นธรรมดาในการออกบิณฑบาตรที่ใช้ระยะเวลาไม่แน่นอนในแต่ละครั้ง